เปิดคลิปนาที 2 โจรชั่ว ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ก่อนกระชากกระเป๋าอย่างแรงจนร่างกระเด็นไปตามแรง จนล้มฟาดฟื้นได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดคุมตัวแล้ว ขณะนี้ในโลกโซเชียลมีการส่งต่อคลิป นาทีเกิดเหตุคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้าประกบและกระชากกระเป๋าสะพานของนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินอยู่ริมถนน ซึ่งจากคลิป พบว่าเป็นภาพนักท่องเที่ยวหญิงกำลังเดินอยู่ริมถนนในพื้นที่ ต.ราไวย์ โดยมีผู้ชายเดินอยู่ด้านหน้าคาดว่าหน้าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยทั้ง 2 เดินทิ้งระยะห่างกันพอสมควร
โดยขณะที่นักท่องเที่ยวสาวชาวจีนกำลังเดินแบบไม่ระวังตัว
ก็ได้มีผู้ชายจำนวน 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาประกอบและคนซ้อนท้ายใช้มือกระชากกระเป๋าที่นักท่องเที่ยวสะพายอยู่ทันที ก่อนที่จะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว จนร่างของนักท่องเที่ยวกระเด็นตามรถไปห่างจากจุดที่ก่อเหตุหลายเมตรส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวสาวรายดังกล่าวได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรฉลอง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เหตุการณ์ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยว เกิดขึ้นบนถนนสายชายหาดราไวย์ ทรัพย์ที่คนร้าย ได้ไป มีกระเป๋าสะพาย 1 ใบ ข้างในมีธนบัตรไทย จำนวน 1,600 บาท พาสปอร์ตและบัตรเครดิตของผู้เสียหาย
หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตาม ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้เเล้ว เบื้องต้นทราบชื่อคือ นายมณฑล เครือพานิช อายุ ปี ชาว ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เเละนาย ศุภรเลิศเครืออยู่ ชาวจ.นครปฐม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อให้สะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” ก่อนส่งพนักงานสอบสวนสภ.ฉลองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ความวัวยังไม่ทันหาย Huawei ถูกแบนจาก WIFI, Bluetooth, SD และ USB หลังจากที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯประกาศแบนสินค้า ก็ดูเหมือนว่า Huawei จะอยู่ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างยากลำบาก อีกทั้งหลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย ยังเริ่มเทขายกัน จนผู้รับซือ้ถึงกับเอือม หรือล่าสุด SD Association สมาคมที่รับผิดชอบการพัฒนา มาตรฐานการ์ด SD ต่างๆ รวมถึงออกใบอนุญาตโลโก้และเครื่องหมายการค้า ได้ลบชื่อ Huawei ออกจากรายชื่อสมาชิก และยิ่งไปกว่านั้น ทางมาตรฐาน Wi-Fi, USB-IF, Bluetooth ก็ได้ออกมาร่วมแบน Huawei ด้วยเช่นกัน
ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากหัวเหว่ยถูกแบนจากองค์กรเหล่านี้ เช่น ไม่สามารถสร้างเสาเชื่อมต่อ Wi-Fi (มาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก) ได้, ไม่สามารถใส่ SD การ์ดเพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้, ไมาสามารถใช้ช่องเสียบ USB (ตามมาตรฐานสากล) ได้, ไม่สามาารถเชื่อม Bluetooth ได้ พูดง่ายๆคือ เหล่าบริษัทเทคโนโลยีต่างๆเริ่มไม่ให้ความเชื่อถือและเริ่มถอยตัวเองออกห่างจากหัวเหว่ยทีละก้าว และนั่นจะทำให้หัวเหว่ยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่านี้ขึ้นไปอีก
พระบรมราชโองการแต่งตั้ง “พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์” รักษาการประธานองคมนตรี
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการ เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาการประธานองคมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานองคมนตรี ตามประกาศพระราชโองการลงวันที่ 2 ธันวาคม 2559 แล้วนั้น บัดนี้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2562
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 14 และมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้รักษาการประธานองคมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562
จ่อโดนวินัย ชายคล้ายปลัดแต่ไม่ใช่ปลัด ชี้หน้าด่ากู้ภัยขณะช่วยคนเจ็บ คลิปคล้ายปลัดด่ากู้ภัย โคราช -วันที่ 28 พ.ค. จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Thanit Ukiattiphakonได้แชร์เรื่องราว ชายแต่งกายและอ้างตัวเป็นปลัด ใช้วาจาด่าทอกู้ภัย โดยเล่าเหตุการณ์ว่าเมื่อเวลา 17.44 น. วันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ 2 คันเฉี่ยวกัน ที่แยกร่วมเริงชัย ถ.ร่วมเริงชัย ต.ในเมือง ต่อมาหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถานได้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นหญิ 2 ราย
หลังจากรถพยาบาลนำผู้บาดเจ็บออกไปส่ง ร.พ. ก็มีชาย แต่งตัวคล้ายข้าราชการ อ้างตัวว่าเป็นปลัด มายืนชี้หน้าด่าอาสาสมัครกู้ภัย ว่าทำงานไม่เป็น ปล่อยให้รถกีดขวางการจราจร ทำให้รถติด ทั้ง ๆ ที่กู้ภัยได้ทำรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันแอบข้างทางหมดแล้ว
คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบ ชายดังกล่าวเป็นเพียงเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปประจำสำนักงาน องค์การบริหารส่วนจ.นครราชสีมา ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปจริง และกำลังจะถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป